– แม็คนิก้า ไซเทค เปิดตัว Autonomous Level3 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลขับเคลื่อนอัตโนมัติ เลเวล3 (Autonomous Passenger Vehicle Level3) ที่พัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการดัดแปลงรถยนต์และติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบนำทาง รวมถึงระบบอื่นๆ ที่ล้ำสมัยอย่างครบครัน ประกาศพร้อมเดินหน้าผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเชิงพาณิชย์ได้ทันที
นายฮิเดอาคิ มิอุระ (Mr. Hideaki Miura) กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คนิก้า ไซเทค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “รถยนต์นั่งส่วนบุคคลขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นนี้ดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ไฟฟ้า เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรกของประเทศไทยที่ผลิตจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% ติดตั้งคันเร่งไฟฟ้าแบบ Drive By Wire รวมถึงกล้อง ระบบสร้างแผนที่ HD Map และเซนเซอร์อื่นๆ ใช้ซอฟแวร์ Autoware ทำให้รถสามารถวิ่งอัตโนมัติได้ พร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับสิ่งกีดขวาง ชะลอความเร็ว เบรค หรือเปลี่ยนเลนส์ได้อัตโนมัติ”
นายมิอุระ กล่าวต่อว่า “กลุ่มเป้าหมายของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นนี้ คือ ทุกคนที่มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย ระบบของเราสามารถนำไปใช้ได้กับยานพาหนะหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่ ที่ใช้ในพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว สนามบิน เหมืองแร่ เป็นต้น เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะต้องเป็นยานพาหนะแบบไหนหรือใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ลูกค้าสามารถออกแบบตามความต้องการใช้งาน เส้นทางการวิ่ง และคุณสมบัติที่ต้องการ ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย นับเป็นโมเดลการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ ที่ยืดหยุ่นที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
“ในประเทศญี่ปุ่น เรามีการขยายตลาดสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในหลายจังหวัด ทั้งในรูปแบบของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์ขนาดเล็ก (compact car) รถกอล์ฟ รวมไปถึงรถบัส (shuttle bus) ที่ให้บริการในลักษณะของ Mobility as a Service (MaaS) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริหารเมืองและคนในชุมชนที่ได้ใช้งาน เราหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือและทำงานร่วมกันกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาครัฐเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนหรือภาคเอกชนมีความมั่นใจในการนำเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับนี้ได้สะดวกและขยายไปในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับเมกะเทรนด์ทั่วโลกในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน”
โครงการพัฒนายานยนต์อัตโนมัติเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลไทย ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าวในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ภายใต้งบประมาณสนับสนุน 17 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับเจ็นเซิฟ บริษัทออกแบบพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถ AGV สัญชาติไทย ผู้นำด้านระบบเคลื่อนที่ไร้คนขับ สำหรับธรุกิจอุตสาหกรรม คลังสินค้า โดยเจ็นเซิฟรับหน้าที่เป็นผู้ทำการติดตั้งฮาร์ดแวร์และระบบออโตเมชั่นอื่นๆ ทั้งหมดภายในรถยนต์ไร้คนขับ ทำให้การสั่งการระบบอัตโนมัติจากซอฟต์แวร์ (ออโต้แวร์) สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างราบรื่นตามข้อกำหนดในการส่งมอบ ผลการทดสอบ พบว่ารถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองโดยสมบูรณ์ในระยะทางมากกว่า 100 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม.
นางสาววรีมน ปุรผาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ็นเซิฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในการพัฒนายานยนต์อัตโนมัติเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะได้แสดงศักยภาพในฐานะผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมสร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กรต่างๆ ขณะที่แม็คนิก้า ไซเทค ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติที่มีบทบาทและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศไทย เชื่อว่าการผนึกกำลังของทั้งสองบริษัทฯ จะช่วยส่งเสริมและผักดันการเติบโตของตลาดรถยนต์ไร้คนขับได้เป็นอย่างดี”
“ภาพรวมด้านความพร้อมของสินค้าที่จะออกสู่ตลาด การดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์อัตโนมัติ เป็นเรื่องที่เริ่มทำได้เลย เพราะในประเทศไทยปัจจุบัน มีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกนำมาดัดแปลงได้ทันทีหลายรุ่น ประกอบกับมีแหล่งผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยีที่พร้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะเซกเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ถือว่าปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งในประเทศ หากมีความต้องการให้ผลิตเชิงพาณิชย์ก็พร้อมเดินหน้าได้ทันที ตัวเทคโนโลยีเองก็ยังเดินหน้าพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ เชื่อว่าภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ให้พัฒนาไปอีกขั้น เพื่อให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” นางสาววรีมน กล่าว
อนึ่ง บริษัท แมคนิก้า ไซเทค (ประเทศไทย) จำกัด จะร่วมแสดงนวัตกรรมในงาน Future Mobility Asia Exhibition & Summit 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ ภายในงาน นอกจากจะได้พบกับบูธของบริษัท แม็คนิก้า ไซเทค (ประเทศไทย) จำกัด (MH34) แล้ว ยังมีบริษัทชั้นนำและองค์กรที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 100 ราย ร่วมแสดงสินค้าและจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ในส่วนจัดแสดงของแม็คนิก้าจะมีทั้งหมด 3 โซน ได้แก่ บูธ MH34 จะมีการฉายวีดีโอเกี่ยวกับรถอัตโนมัติที่บริษัทเคยพัฒนามา ซึ่งรวมถึงโครงการที่ญี่ปุ่นด้วย Mobility Hub จะจัดแสดงรถยนต์จริง และ Innovation Stage จะนำเสนอผลงานของวิศวกรซอฟต์แวร์ชาวฝรั่งเศสที่มาจากบริษัทแม่ (โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น) ผู้ซึ่งจะมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับ Autoware (ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซที่ใช้ในรถอัตโนมัติ)