มร.จอย เด็ตเลฟ ไรเชนเดอร์ (Mr.Join Detlev Reicheneder ), ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์อุตสาหกรรม Autodesk Inc. เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าร่วมงาน Future Mobility Asia ซึ่งจัดโดยกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานนิทรรศการและการประชุมที่มีการจัดแสดงแนวคิด โซลูชั่น เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคตอย่างครอบคลุมและศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับผู้บริหาร เพื่อการใช้ประโยชน์จากโอกาสสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่ทั่วโลกรวมทั้งบริษัทให้ความสนใจ
“ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) คาดว่ายานยนต์ 1 ใน 3 คันจะเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ด้วยนโยบายเชิงรุกการพัฒนาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลภูมิภาคเอเชีย กำหนดให้ภูมิภาคนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในธุรกิจยานยนต์ (Clean Mobility) เห็นได้ชัดเจนว่าจากการส่งเสริมของภาครัฐ ส่งผลให้ตลาดรถ EV ในประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการลงทุนใหม่ๆจากภาคเอกชน ณ ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีรถยนต์ EV มากกว่า 100,000 คันบนท้องถนนและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น จากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับแบตเตอรี่ EV และโครงการเงินช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 4,800 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรม EV ของไทย ซึ่งAutodesk มีนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “
โดยออโต้เดสในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตซอฟแวร์อัจฉริยะครบวงจร จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำไฮไลต์ ความสำเร็จทางเทคโนลียานยนต์ ของกลุ่มลูกค้า มาจัดแสดง อาทิ แชสซีรถยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวแรกของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีเจนเนอเรทีฟดีไซน์ ( generative design ) ที่ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที รวมถึงการนำเสนอการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีผ่านระบบวีอาร์ นำความหลงใหลในโลกยานยนต์ด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติซึ่งผ่านการจำลองมาเพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสนวัตกรรมแบบเสมือนจริง
ทั้งนี้ PIX Moving ใช้เครื่องมือ AI และดิจิทัล เช่น การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ การพิมพ์ 3 มิติ และวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อสร้างความยืดหยุ่น ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรเติบโตผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเผชิญด้วยเทคโนโลยีของ Autodesk
เทคโนโลยีของ PIX Moving Ultra-SkateboardTM ซึ่งจัดแสดงที่บูธ Autodesk เป็นแชสซี AI ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อลดอุปสรรคด้านนวัตกรรมสำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติ พร้อมส่งเสริมแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน ด้วยการเปิดใช้งานกระบวนการผลิตที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ PIX Moving กำลังปูทางไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ PIX Moving สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบแชสซีให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละแอปพลิเคชัน และสร้างแพลตฟอร์มและยานยนต์ที่ปรับแต่งได้หลากหลายแบบแทบไม่จำกัด ด้วยการรวมวิธีการนี้เข้ากับการพิมพ์โลหะ 3 มิติและเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัลอื่นๆ ทำให้ PIX Moving สามารถผลิตโซลูชันแบบกำหนดเองเหล่านี้ได้ด้วยระยะเวลาในการผลิตที่สั้นกว่า OEM และรูปแบบซัพพลายเชนแบบดั้งเดิมมาก ซึ่งช่วยลดของเสียและการใช้พลังงาน
ทางด้านบริกส์ ออโตโมทีฟ จำกัด ( Briggs Automotive Company (BAC) ) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงของ BAC และ Autodesk มาขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตรถสปอร์ตโดยใช้ generative design ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที รวมถึงการประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตอื่นๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถดึงผู้ซื้อให้ใกล้ชิดกับนักออกแบบและลูกค้า รวมถึงซัพพลายเออร์ได้มากขึ้น
Autodesk Inc. มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.01 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2023 (สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2023) และมีพนักงาน 13,700 คนทั่วโลก (ณ วันที่ 31 มกราคม 2023) เทคโนโลยีและโซลูชันซอฟต์แวร์อัจฉริยะครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การก่อสร้าง การออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิตสื่อ และธุรกิจด้านบันเทิง ลูกค้ายานยนต์ของ Autodesk ได้แก่ ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ และบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Tesla และ Hyundai