Hotline 083-411-9393
Friday , 22 November 2024
Home News ตลาดรถยนต์ใช้แล้วของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567
News

ตลาดรถยนต์ใช้แล้วของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567

ในช่วงปี 2566-2567 ตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ในปี 2566 จำนวนรถยนต์ที่ถูกสถาบันการเงินยึดมีประมาณ 250,000-300,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปีก่อนหน้า (150,000-180,000 คัน) รถที่ถูกยึดทั้งหมดจะถูกส่งไปลานประมูลต่างๆ กลายเป็นว่าปี 2566 มีรถเข้าลานประมูลสูงถึงเกือบ 3 แสนคัน ส่งผลให้ปริมาณรถมือสองล้นตลาด ผู้ประกอบกิจการรถมือสองจำเป็นต้องกดราคาขายให้ต่ำไป บางเต็นท์อาจถึงขั้นต้องยอมปล่อยขาดทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจให้ยังคงดำเนินต่อไปได้ การลดลงของราคานี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในหลายมิติ แต่ในขณะเดียวกันก็เปิด “โอกาสทอง” ให้ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่ต้องการได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม 

นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ประกอบอาชีพอิสระ เนื่องจากการพิสูจน์รายได้อาจเป็นเรื่องยาก ทำให้กลุ่มผู้ซื้อรถกระบะที่มีศักยภาพลดลงอย่างมาก ราคาของรถกระบะจึงลดลงเร็วกว่ากลุ่มรถยนต์อื่นๆ ในขณะเดียวกัน เต็นท์รถก็ลดการรับซื้อรถกระบะและลดสัดส่วนของรถกระบะในพอร์ตการขายลงด้วย

รถยนต์ประเภทอเนกประสงค์ (SUV, MPV) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางไกลของครอบครัว และอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่า สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.3% และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น คาดว่าตลาดรถยนต์มือสองจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม


ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลชอบรถ (Chobrod.com) และ รายงานธนาคารแห่งประเทศไทย (bot.or.th)

ความต้องการรถยนต์ลดลงแต่เริ่มฟื้นตัว

ในสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไปที่ยากลำบากส่งผลให้ความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศไทยลดลงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 การค้นหารถยนต์มือสองลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จนถึงเดือนเมษายน 2567 เหลือเพียง 660,000 ครั้ง แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

แบรนด์รถยนต์ที่มีการค้นหามากที่สุดสำหรับรถมือสอง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2024

ไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์รถยนต์ที่คนไทยค้นหาเยอะที่สุดส่วนใหญ่เป็นรถยนต์จากญี่ปุ่น โดย Toyota นำโด่งด้วยการค้นหา 25.6% ตามด้วย Honda และ Isuzu ที่มีการค้นหา 16.5% และ 7.2% ตามลำดับ

รถยนต์จากเยอรมันอย่าง BMW และ Mercedes-Benz ก็ได้รับความนิยมในไทยเช่นกัน โดยเฉพาะรถยนต์มือสองของทั้งสองแบรนด์นี้ได้รับความต้องการสูงมาก มีการค้นหาเฉลี่ยมากกว่า 54,000 ครั้งต่อเดือน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 รถยนต์ 9 ใน 10 รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยมาจากแบรนด์ญี่ปุ่น โดยมีเพียง Ford Ranger จากอเมริกาเท่านั้นที่ติดอันดับ Isuzu D-Max ครองอันดับ 1 ด้วยจำนวนการค้นหาเกือบ 163,000 ครั้ง ตามด้วย Honda Civic และ Toyota Hilux Revo ที่ครองอันดับ 2 และ 3 ด้วยจำนวนการค้นหา 148,000 และ 130,000 ครั้งตามลำดับ

รถกระบะ รถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Honda CR-V, Toyota Fortuner หรือรถเก๋งที่มีพื้นที่กว้างขวางอย่าง Honda Civic, Honda Accord เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อมากที่สุด เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวางและตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งได้ดี

ราคารถยนต์ลดลง เป็นโอกาสของผู้ซื้อรถยนต์

ปี 2566 มีรถยนต์เกือบ 300,000 คัน จากสถาบันสินเชื่อเข้าสู่ศูนย์ประมูล ทำให้ปริมาณรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ความต้องการซื้อรถยนต์ลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด ราคาขายรถยนต์มือสองจึงลดลงอย่างมาก ภายใน 18 เดือนนับจากต้นปี 2566 ราคาขายรถยนต์มือสองลดลงถึง 18%

ราคารถยนต์ลดลงในทุกกลุ่ม เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ซื้อ

ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ตลาดรถยนต์มือสองเผชิญกับภาวะราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2566 ที่ราคาลดลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับต้นปี แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 โดยเฉพาะรถแฮทช์แบ็กที่ราคาลดลงถึง 17.1% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2566

อย่างไรก็ตาม ราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็วนี้เป็นโอกาสสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ในราคาที่ถูกกว่าเดิม ภายในเดือนมิถุนายน 2567 สัญญาณเศรษฐกิจบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้นเพื่อลดหนี้เสีย ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ราคาของรถยนต์มือสองอาจปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ผู้ซื้อควรพิจารณาสมดุลของงบประมาณและเลือกเวลาที่เหมาะสมในการซื้อรถยนต์

รถกระบะหมดเสน่ห์ รถอเนกประสงค์ ขึ้นครองบัลลังก์

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถกระบะใหม่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนแบ่งการตลาดของรถกระบะใหม่ได้ลดลงจาก 45.7% ในปี 2565 เหลือเพียง 34% ในปี 2566 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ยอดขายรถกระบะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 29% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด(*)

ในตลาดรถยนต์มือสอง ความต้องการรถกระบะก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้มีปัญหาในการขออนุมัติสินเชื่อ โดยระดับการค้นหารถกระบะมือสองลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2566 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อัตราการค้นหารถกระบะคิดเป็น 15% ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เนื่องจากรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV, MPV) มีความสะดวกในการใช้งานสำหรับครอบครัวและมีการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายกว่ารถกระบะ ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หันมาสนใจรถยนต์ประเภทนี้มากขึ้น โดยอัตราการค้นหารถยนต์อเนกประสงค์เพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาส โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 มีอัตราการค้นหารถยนต์อเนกประสงค์เฉลี่ย 33 ครั้งจากการค้นหารถยนต์ทั้งหมด 100 ครั้ง

อุปทานรถกระบะมือสองลดลง

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของรถแต่ละกลุ่มที่เปลี่ยนไป ทางเต็นท์จึงได้มีการปรับโครงสร้างพอร์ตการขายให้สอดคล้องกัน แต่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 สถาบันการเงินเริ่มเข้มงวดนโยบายสินเชื่อ ทำให้คนซื้อรถกระบะเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น เนื่องจากปัญหาการพิสูจน์รายได้ ทำให้สัดส่วนรถกระบะมือสองที่ขายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ลดลง 7% เหลือ 19% ของจำนวนประกาศทั้งหมด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในทางกลับกัน ลูกค้าของกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV, MPV) มักเป็นคนซื้อรถเพื่อสนองความต้องการการเดินทางของครอบครัว มีรายได้ที่มั่นคง และอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่ารถกระบะ ทำให้สัดส่วนการขายรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV, MPV) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แม้ว่าตลาดรถยนต์มือสองในไทยกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่ก็ยังมีสัญญาณบวกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ข้อมูลจากธนาคารโลก World Bank แสดงให้เห็นว่า GDP ของไทยในปี 2567 จะเติบโต 2.4% ซึ่งสูงกว่า GDP ในปีที่ผ่านมาที่ 1.9%

ในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น สถาบันการเงินมักจะผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อและพยายามลดอัตราหนี้เสีย ส่งผลให้ผู้ซื้อรถยนต์มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ราคาขายรถยนต์ที่ลดลงในช่วงนี้ ยังช่วยลดต้นทุนสำหรับผู้ซื้ออีกด้วย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าราคารถยนต์มือสองจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2568 เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น ผู้ที่วางแผนซื้อรถยนต์ควรพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชำระค่ารถ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด


สำหรับผู้ขาย การปรับสมดุลสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การเพิ่มสัดส่วนของรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของตลาดและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้น (เช่น รถอเนกประสงค์)  จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าคงคลัง และค่าใช้จ่ายในการขายอื่นๆ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

รายงานนี้วิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://chobrod.com/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชั้นนำสำหรับซื้อขายรถยนต์ในไทย และแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น ๆ เพื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวมของตลาดรถยนต์มือสองและการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่สามารถแทนที่คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งสามารถประเมินสถานการณ์เฉพาะบุคคลและธุรกิจของคุณได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใดๆ ที่คุณทำโดยใช้ข้อมูลนี้

Recent Posts

Categories

Related Articles

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พารถยนต์ไฟฟ้า EQS SUV ตะลุยเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตงเติมความมั่นใจทุกการขับขี่ เช็คอินจุดชาร์จทั่วภาคใต้!  

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พาตะลุยเส้นทางกรุงเทพฯ-เบตง ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic...

นิสสัน เตรียมเปิดตัว “เซเรน่า” เติมสีสันในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 

นิสสัน ประกาศสร้างสีสันในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) กับการเปิดตัวรถยนต์ “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” รถยนต์อเนกประสงค์...

เตรียมพบกับ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ในปี 2569

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศความพร้อมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสมรรถนะการใช้งานที่เหนือระดับไปอีกขั้นสำหรับลูกค้าที่เกิดมาแกร่งอย่างแท้จริง โดยพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศออสเตรเลีย ปี พ.ศ....

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย...