Hotline 083-411-9393
Friday , 22 November 2024
Home News เบนท์ลีย์ แบงค็อก พาเจาะสเปก BATUR CONVERTIBLE อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษ ขุมพลัง W12 รุ่นสุดท้าย ผู้กำหนดนิยามบทใหม่ของเบนท์ลีย์ในอนาคต
News

เบนท์ลีย์ แบงค็อก พาเจาะสเปก BATUR CONVERTIBLE อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษ ขุมพลัง W12 รุ่นสุดท้าย ผู้กำหนดนิยามบทใหม่ของเบนท์ลีย์ในอนาคต

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Batur Convertible อัครยนตรกรรมสปอร์ตแบบเปิดประทุน รุ่นตัวถังออกแบบพิเศษโดย Bentley Mulliner แผนกออกแบบพิเศษของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สและเป็นผู้ผลิตตัวถังรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สุดของโลก โดย Batur Convertible ถือเป็นอัครยนตรกรรมออกแบบพิเศษรุ่นที่ 3 หลังจากการเปิดตัวรุ่น Bacalar และ Batur แบบคูเป้ สำหรับอัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษรุ่นนี้จะประกอบขึ้นเพียง 16 คันเท่านั้นด้วยนวัตกรรมทั้งในด้านสีสันและวัสดุพิเศษจากแรงบันดาลใจของความลึกล้ำแห่งธรรมชาติที่ถือเป็นครั้งแรกของเบนท์ลีย์

Batur Convertible เป็นการต่อยอด DNA การออกแบบของรุ่น Bacalar และ Batur แบบคูเป้ที่จะเป็นแนวทางสู่การออกแบบอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในอนาคต สำหรับ Batur Convertible มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 มอบพละกำลังกว่า 750 แรงม้าจากเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ขนาด 6.0 ลิตร ซึ่ง Batur Convertible จะถือเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นสุดท้ายที่มาพร้อมกับขุมพลังที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์รุ่นนี้

แกรนด์ทัวเรอร์รุ่นพิเศษแบบ 2 ที่นั่ง

เบนท์ลีย์และอัครยนตรกรรมแบบเปิดประทุนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่แบรนด์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2462 ไปจนถึงอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Bacalar การรังสรรค์รุ่น Batur Convertible ช่วยให้นักออกแบบจากมูลินเนอร์ได้คิดค้นรูปแบบพิเศษที่ไม่เพียงแต่การผสมผสานงานออกแบบของ Bacalar และ Batur เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติของอัครยนตรกรรมแบบเปิดประทุน ซึ่งนักออกแบบยังได้เลือกที่จะเน้นคุณสมบัติแบบสองที่นั่งด้วยห้องโดยสารที่โอบล้อมไปด้วยแรงบันดาลใจจากการออกแบบรุ่น Bacalar

การออกแบบ ‘Airbridge’ หรือฝาครอบบริเวณด้านหลังเบาะโดยสารทำให้นึกถึงรถยนต์สปอร์ตแบบเปิดประทุนในยุคเก่าที่เน้นสมรรถนะและผู้ขับขี่ สำหรับฝาครอบดีไซน์พิเศษไม่เพียงแต่จะสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาะโดยสารทั้งสองอีกด้วย

หลังคาเปิดประทุนได้มอบสุนทรียภาพแห่งความงามอันร่วมสมัยแทนที่หลังคาแบบแข็ง การผสมผสานระหว่างวัสดุฉนวน การพัฒนาระบบซีล และการควบคุมเสียงทำให้เกิดสภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสารที่เงียบสงบ หลังคาแบบเปิดประทุนสามารถเปิดออกและจัดเก็บได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 19 วินาทีในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 50 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ผู้ขับขี่จึงสามารถเปลี่ยนโฉมจากอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้สุดหรูสู่แกรนด์ทัวเรอร์แบบเปิดประทุนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

การรังสรรค์ในแบบเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์

ทีมออกแบบจากมูลิเนอร์และลูกค้าจะได้รังสรรค์ Batur Convertible ร่วมกันผ่าน Mulliner Visualizer ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการออกแบบอัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษด้วยการปรับแต่งสีและพื้นผิว พร้อมด้วยการนำตัวอย่างวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมาเข้าสู่กระบวนการ ผลที่ได้คือดีไซน์ในแบบเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง

สำหรับตัวเลือกของเฉดสีที่หลากหลายเริ่มด้วยชุดสีจากมูลินเนอร์แบบเต็มรูปแบบไปสู่เฉดสีที่รังสรรค์ขึ้นตามความต้องการ หรือแม้แต่กราฟิกที่วาดด้วยมือ สำหรับการตกแต่งภายนอกสามารถรังสรรค์ด้วยการผสมผสานเฉดสีโทนสว่างและเข้ม แบบด้านหรือแบบเงาหรือแม้แต่ไทเทเนียม ตัวเลือกที่ละเอียดอ่อนอีกประการหนึ่งคือการใช้สีตัดกันแบบไล่ระดับกับกระจังหน้าเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์แบบออมเบรที่มีชีวิตชีวา

Batur Convertible มาพร้อมกับการออกแบบ Airbridge ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยฝาครอบปิดส่วนท้ายของรถและวัสดุหลังคาที่สามารถเลือกสรรให้เข้ากับภายในห้องโดยสารและการตกแต่งภายนอกได้

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับตัวเลือกเฉพาะสำหรับการพิมพ์แบบ 3 มิติในเฉดสีชมพู Rose Gold ที่ใช้รังสรรค์บนจุดสัมผัสที่สำคัญของผู้ขับขี่ อาทิ แป้นตัวเลือกโหมดการขับขี่ของเบนท์ลีย์บริเวณรอบปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และโหมดแชสซี และบริเวณคอนโซลกลางที่งดงามที่จะช่วยเสริมการออกแบบและเพื่อให้รับกับกระจังหน้า เฉดสีชมพู Rose Gold ยังได้นำมาตกแต่งกับปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ Organ Stop อันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์บนแผงหน้าปัดและบนพวงมาลัย

เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ยังได้ร่วมมือกับช่างทองผู้เชี่ยวชาญในย่าน Jewellery Quarter อันเก่าแก่ของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษเพื่อการรังสรรค์ชิ้นส่วนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยความร่วมมือพิเศษนี้ได้เน้นย้ำถึงความสามารถของเบนท์ลีย์ในการผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเข้ากับการเลือกใช้วัสดุและเทคนิคการตกแต่งแบบดั้งเดิม

อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่ทรงสมรรถนะ

Batur Convertible ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยช่างฝีมือชาวอังกฤษตลอดระยะเวลาหลายเดือนในเวิร์คช็อปของมูลินเนอร์ ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษจะมีเพียง 16 คันในโลกเท่านั้น โดยจะถือเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นสุดท้ายที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 อันทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์

สำหรับเครื่องยนต์รุ่น W12 ขุมพลังของ Batur Convertible เครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงระบบ พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่อัปเกรด อินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ และการปรับจูนใหม่ ทำให้สามารถผลิตพละกำลังสูงถึง 750 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร มอบสมรรถนะที่เหนือชั้นให้กับอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวริ่งรุ่นพิเศษนี้ โดยการพัฒนาเครื่องยนต์รุ่น W12 ถือเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้รับการพัฒนาให้ผลิตพละกำลังได้มากขึ้นเกือบ 40% ในขณะเดียวกันก็ยังมอบประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น 25% เครื่องยนต์รุ่น W12 มาพร้อมกับเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีดและท่อไอเสียแบบสปอร์ต มอบอรรถรสความสปอร์ตด้วยเสียงที่ไพเราะจากท่อไอเสียดีไซน์พิเศษ ซึ่งระบบท่อไอเสียทั้งหมดผลิตจากไททาเนียม พร้อมการตกแต่งขั้นสุดท้ายด้วยไทเทเนียมแบบพิมพ์ 3 มิติ

Batur Convertible Car #0

รถยนต์ต้นแบบ Batur Convertible Car #0 มาพร้อมกับความใส่ใจในรายละเอียดด้วยงานสีภายนอกแบบพิเศษกับเฉดสีส้มแบบมันเงา Vermillion Gloss และเฉดสีส้มแบบด้าน Vermillion Satin ซึ่งให้สีสันที่สดใสพร้อมกับความร่วมสมัย ตัวถังตกแต่งด้วยสปลิตหน้า สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มันวาวสูง

ด้านหน้าของ Batur Convertible Car #0 โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่รังสรรค์ขึ้นอย่างโดดเด่นด้วยดีไซน์เมทริกซ์แบบมันเงาในโทนสีเข้ม Gloss Dark Titanium เน้นด้วยการเล่นสีตัดกันในรูปแบบออมเบรแนวนอนที่ทอดยาวจากเฉดสีดำบริเวณตรงกลางและสว่างขึ้นสู่ด้านข้างด้วยเฉดสีส้มมันวาว Vermillion Gloss พร้อมด้วยเส้นสาย “endless bonnet” ที่เคลือบด้วย Gloss Dark Titanium เช่นเดียวกับล้ออัลลอยด์ที่ออกแบบพิเศษขนาด 22 นิ้วแบบมัน-ด้านในเฉดสีดำ Black Titanium กับการตกแต่งด้วยการเน้นเฉดสีส้ม Vermillion Gloss

เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด พร้อมส่งมอบรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid และ Flying Spur Hybrid ทันทีกับสต๊อกเฉดสีและออปชันที่ครบครันและครอบคลุมทุกความต้องการกับราคาที่ดีที่สุด เริ่มต้นที่ 13.7 ล้านบาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ‘Crafting Your Dream Offers’ ที่ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถออกแบบแผนการเงินเองได้และทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์เป็นเรื่องง่าย และเหนือกว่าด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและสิทธิ์การต่อการรับประกัน (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม

ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V

Recent Posts

Categories

Related Articles

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พารถยนต์ไฟฟ้า EQS SUV ตะลุยเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตงเติมความมั่นใจทุกการขับขี่ เช็คอินจุดชาร์จทั่วภาคใต้!  

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พาตะลุยเส้นทางกรุงเทพฯ-เบตง ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic...

นิสสัน เตรียมเปิดตัว “เซเรน่า” เติมสีสันในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 

นิสสัน ประกาศสร้างสีสันในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) กับการเปิดตัวรถยนต์ “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” รถยนต์อเนกประสงค์...

เตรียมพบกับ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ในปี 2569

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศความพร้อมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสมรรถนะการใช้งานที่เหนือระดับไปอีกขั้นสำหรับลูกค้าที่เกิดมาแกร่งอย่างแท้จริง โดยพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศออสเตรเลีย ปี พ.ศ....

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย...