Hotline 083-411-9393
Friday , 22 November 2024
Home News บริดจสโตนพัฒนายาง Bridgestone Potenza Sport A เพื่อส่งมอบสมรรถนะอย่างเหนือชั้นให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล Audi e-tron GT โฉมใหม่
News

บริดจสโตนพัฒนายาง Bridgestone Potenza Sport A เพื่อส่งมอบสมรรถนะอย่างเหนือชั้นให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล Audi e-tron GT โฉมใหม่

บริดจสโตนผู้นำระดับโลกด้านยางพรีเมียมและโซลูชั่นด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนได้รับเลือกจาก Audi ให้พัฒนายางมาตรฐานติดรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล Audi e-tron GT โฉมใหม่ โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างบริดจสโตนและ Audi โดยรถยนต์ของ Audi ทุกๆ หนึ่งในห้าคันที่ผู้ผลิตดำเนินการขายทั่วโลกจะได้รับการติดตั้งยางบริดจสโตน  และในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและการพัฒนายางของบริดจสโตนจึงตอบโจทย์ “สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ได้อย่างลงตัว”


ยางพรีเมียม Bridgestone Potenza Sport A ได้รับการพัฒนาเพื่อเสริมสมรรถนะอย่างเหนือชั้นของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT โฉมใหม่ โดยยาง Bridgestone Potenza Sport A ได้รับการรับรองการเป็นยางมาตรฐานระดับโลกและยังผ่านการทดสอบที่เข้มงวดจาก Audi ในการส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้นให้กับรถยนต์ไฟฟ้าล่าสุดของ Audi ในรุ่น S ถึง RS อีกทั้งยังช่วยส่งมอบความปลอดภัยและความยั่งยืน

ยาง Bridgestone Potenza Sport A เป็นยางของบริดจสโตนรุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปริมาณมากด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุทดแทนถึง 55% ในกระบวนการผลิต โดยได้รับการรับรองจาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) PLUS 3


“เรารู้สึกภูมิใจที่ได้สร้างความยั่งยืนให้กับสังคมแห่งการเดินทางด้วยยาง Bridgestone Potenza Sport A สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือชั้นและทรงพลังอย่าง Audi e-tron GT โฉมใหม่” คุณ Steven De Bock รองประธานฝ่ายธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ของ Bridgestone EMEA กล่าวเสริมว่า “นวัตกรรมยางของเราได้ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต โดยยาง Bridgestone Potenza Sport A ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์และมีความน่าเชื่อถือร่วมกับ Audi”


ยาง Bridgestone Potenza Sport A มอบประสิทธิภาพด้านพลังงานได้เป็นอย่างดีในกลุ่มยางระดับเดียวกัน และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับในระดับเกรด A ของสหภาพยุโรป (EU) ด้านประสิทธิภาพความต้านทานการหมุนซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ได้ถึง 500 กิโลเมตร อีกทั้งยังมอบความปลอดภัยและการควบคุมให้กับผู้ขับขี่โดยได้รับการจัดอันดับ   ในระดับ A จากสหภาพยุโรปด้านการยึดเกาะบนถนนเปียก ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำให้กับรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ในขณะขับขี่ในโหมดสปอร์ต

ยาง Bridgestone Potenza Sport A ได้รับการออกแบบลายดอกยางด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตน รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความแข็งแรง และโครงสร้างของยางที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ซึ่งยางพรีเมียมรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการควบคุม สมรรถนะ และความนุ่มนวลในการขับขี่

Robin Stettner วิศวกรพัฒนายางที่ AUDI AG กล่าวว่า “ด้วยกำลังสูงสุดถึง 925 แรงม้า จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้า Audi RS e-tron GT เป็นรถที่มีความเร็วสูงซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการขับขี่ในโหมดสปอร์ต ด้วยสมรรถนะดังกล่าวและการตอบสนองต่อมาตรฐานคุณภาพความปลอดภัยและความยั่งยืนของเรา ผลิตภัณฑ์ Bridgestone Potenza Sport A จึงเป็นยางที่ตอบโจทย์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

พัฒนายางบนพื้นฐานของความยั่งยืน

ยางพรีเมียม Bridgestone Potenza Sport A ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ของบริดจสโตน เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านความยั่งยืนและเพื่อการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ลดทอนความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยี ENLITEN ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้วัสดุหมุนเวียน การใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุทดแทน ซึ่งแพลตฟอร์มเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ยังทำให้บริดจสโตนสามารถตอบสนองความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Audi e-tron GT รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การควบคุมอย่างเหนือชั้น รวมถึงการลดเสียงรบกวนในขณะขับขี่         

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมของบริดจสโตนในการผสมผสานความยั่งยืนและประสิทธิภาพของ ยาง Bridgestone Potenza Sport A รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของบริษัทสู่การใช้วัสดุที่ยั่งยืน 100% ภายในปี พ.ศ. 2593 4

ยาง Bridgestone Potenza Sport A ได้รับการพัฒนาขึ้นในยุโรปซึ่งจะมีขนาด 265/35 R21 101XL Y (ล้อหน้า) และ 305/30 R21 104XL Y (ล้อหลัง) ยางพรีเมียมรุ่นดังกล่าวนี้จะถูกผลิตในโรงงานที่ทันสมัยของบริดจสโตนใกล้กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการรับรอง ISCC PLUS ในปี พ.ศ. 2565 โรงงาน Roma แห่งนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 ด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยางทั้งหมดของโรงงานยังเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า 100% โดยไฟฟ้าทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานทดแทน 5 ซึ่งยังถือเป็นการสนับสนุนด้านเป้าหมายความยั่งยืนของบริดจสโตน

*1 ยาง Bridgestone Potenza Sport A ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

*2 ระบบการรับรองที่นำมาใช้คือ ISCC PLUS โดยใช้วิธีการจัดการยอดรวมเป็นห่วงโซ่การคุ้มครองพยานหลักฐานซึ่ง 55% ประกอบด้วยวัสดุที่ได้รับการรับรองจาก ISCC PLUS ซึ่งเป็นวัสดุทดแทน 35% และได้รับการรับรองจาก ISCC Plus และนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ 20%

*3 ISCC PLUS เป็นมาตรฐานการรับรองที่ใช้ได้ทั่วโลกซึ่งมุ่งเพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับของวัตถุดิบทางเลือกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงลูกค้าปลายทาง

*4 บริดจสโตนหมายถึงวัสดุยั่งยืนซึ่ง:

  • มาจากแหล่งทรัพยากรที่มีการจัดหาที่ต่อเนื่อง
  • สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจระยะยาว
  • มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดวงจรผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การจัดซื้อไปจนถึงการกำจัด

*5 พร้อมใบรับรองการรับประกันแหล่งที่มา

Recent Posts

Categories

Related Articles

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พารถยนต์ไฟฟ้า EQS SUV ตะลุยเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตงเติมความมั่นใจทุกการขับขี่ เช็คอินจุดชาร์จทั่วภาคใต้!  

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พาตะลุยเส้นทางกรุงเทพฯ-เบตง ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic...

นิสสัน เตรียมเปิดตัว “เซเรน่า” เติมสีสันในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 

นิสสัน ประกาศสร้างสีสันในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) กับการเปิดตัวรถยนต์ “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” รถยนต์อเนกประสงค์...

เตรียมพบกับ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ในปี 2569

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศความพร้อมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสมรรถนะการใช้งานที่เหนือระดับไปอีกขั้นสำหรับลูกค้าที่เกิดมาแกร่งอย่างแท้จริง โดยพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศออสเตรเลีย ปี พ.ศ....

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย...