มร. มาซาโนริ ทาคายามะ (Mr. Masanori Katayama) ประธานบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายการขนส่งในอนาคต พร้อมการเปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่หมด “เอลฟ์” และ “ฟอร์เวิร์ด” และเปิดตัวรถไฟฟ้าตระกูล “เอลฟ์” เป็นครั้งแรกของโลก และแนะนำโปรแกรมโซลูชั่นส์ครบวงจร “EVision” สำหรับลูกค้ารถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ เนื่องจากอีซูซุเห็นว่าโลจิสติกส์ถือเป็นแกนหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจ กลุ่มอีซูซุในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรถบรรทุกมากกว่าครึ่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น จึงมีส่วนรับผิดชอบสำคัญ ในการผลิตรถยนต์ที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสร้าง “นวัตกรรม” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถอีกด้วย
อีซูซุกำลังดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกหลายรูปแบบ เพื่อ “ปรับเร่งอนาคตของการขนส่ง” เนื่องจากประเทศต่างๆในโลกนี้มีต่างมีสภาพแวดล้อมของตนเอง เช่น สาธารณูปโภคด้านพลังงาน สภาพถนน และกฎระเบียบต่างๆ นอกจากนี้ยังมีลักษณะการใช้ ตลอดจนประเภทของสินค้าในการขนส่งที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้า กล่าวคือ ยิ่งมีกลุ่มลูกค้ามากประเภท ความต้องการต่างๆก็ยิ่งหลากหลายมากขึ้น ความสะดวกสบายของลูกค้าต้องไม่ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนรถใหม่เท่านั้น อีซูซุจึงมีหน้าที่ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยนำเสนอรถรุ่นที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ลดออพชั่นต่างๆ หรือเรียกได้ว่าอีซูซุมอบ “อิสระในการเลือก” ให้แก่ลูกค้า สำหรับรถทุกประเภท ตั้งแต่รถปิกอัพจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่
ครั้งนี้อีซูซุได้เปิดตัวรถบรรทุก “อีซูซุ เอลฟ์” รุ่นใหม่หมด พร้อมกับรถไฟฟ้า “อีซูซุ เอลฟ์” ที่หลายคนรอคอย ปีนี้นับเป็นปีแรก แห่งการก้าวสู่ยานยนต์ไฟฟ้าของอีซูซุ และวันนี้ก็เป็นโอกาสสำคัญที่กลุ่มอีซูซุจะแสดงทิศทางในอนาคตให้โลกรับรู้ รถบรรทุก “อีซูซุ เอลฟ์” นั้นเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2502 และถือเป็นรถรุ่นยอดนิยมที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นมานานกว่าครึ่งศตวรรษ และยังมีจำหน่ายในหลายประเทศอีกด้วย อีซูซุเชื่อมั่นว่ารถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ที่แนะนำใหม่นี้ จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) รุ่นแรกของ “Isuzu ELF EV” นั้น มาพร้อมกับการพัฒนา “EVision” โปรแกรมโซลูชั่นส์ครบวงจร เพื่อสนับสนุนลูกค้าที่กำลังพิจารณาการเริ่มใช้รถไฟฟ้า BEV เพื่อการพาณิชย์ และได้เริ่มให้บริการในญี่ปุ่นแล้ววันนี้ “EVision” นี้ ได้รวมถึงการหาโซลูชั่นส์แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเริ่มใช้รถไฟฟ้า การประเมินผลประโยชน์เชิงปริมาณจากการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการเสนอวิธีการลดคาร์บอนเพิ่มเติมเพื่อการนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
เมื่อลูกค้าเริ่มนำรถไฟฟ้า BEV มาใช้ในเชิงพาณิชย์ อาจจะมีประเด็นต่างๆ เกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในการชาร์จแบตเตอรี่ ค่าไฟฟ้า รวมถึงการประเมินผลประโยชน์เชิงปริมาณที่จะได้รับจากการลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม โดย “EVision” ของอีซูซุ จะนำเสนอโซลูชั่นส์ในแต่ละช่วง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นศึกษาการใช้รถไฟฟ้า BEV ในเชิงพาณิชย์ ช่วงใช้งานจริง และช่วงหลังจากการใช้งาน คือ “EVision Concierge” (ส่วนงานสนับสนุนช่วงเริ่มต้น), “EVision Solutions” (โซลูชั่นส์ช่วงใช้งานจริง) และ “EVision Review” (การทบทวนผลประโยชน์เชิงปริมาณ)
เพื่อตอบสนองความท้าทายในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกในอนาคต อีซูซุจึงดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ต่างๆ ด้วยแนวคิดหลัก 4 ประการ คือ
1. ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
2. ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ (Driver Comfort)
3. ความปลอดภัย (Safety)
4. การเชื่อมโยง (Connectivity)
5. ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
6. ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ (Driver Comfort)
7. ความปลอดภัย (Safety)
8. การเชื่อมโยง (Connectivity)
อีซูซุในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความเป็นเลิศทางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการ จะทำให้เราสามารถปรับเร่งอนาคตของการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในที่สุด