Hotline 083-411-9393
Friday , 22 November 2024
Home News พรีวิว FIA World Endurance Championship WEC รอบการแข่งขันที่ 4 ในรายการ 24 Hours of Le Mans (ประเทศฝรั่งเศส)
News

พรีวิว FIA World Endurance Championship WEC รอบการแข่งขันที่ 4 ในรายการ 24 Hours of Le Mans (ประเทศฝรั่งเศส)

ปอร์เช่ในการแข่งขัน Le Mans พบกับสถิติ, เสียงจากเหล่านักแข่ง และตารางการแข่งขัน

  • เหล่านักแข่งจากทีม Porsche Penske Motorsport เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
  • ฉลองวาระครบรอบ 75 ปี ยุคใหม่ของปอร์เช่ ในฐานะโรงงานผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
  • ผู้จัดงานขยายตารางการแข่งขันเพื่อฉลอง 100 ปี Le Mans

Porsche Penske Motorsport and the customer teams ทีมของโรงงานผลิตรถสปอร์ตแห่งเมืองสตุ๊ทการ์ท พร้อมพิชิตการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในอิดิชั่นที่ 91 ของการแข่งขันระยะยาวแบบคลาสสิค (long-distance classic) ณ ประเทศฝรั่งเศส พร้อมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี ของการแข่งขันและ 75 ปีของแบรนด์รถสปอร์ตอย่างปอร์เช่ 

สตุ๊ทการ์ท. การแข่งขันที่เป็นไฮไลท์ประจำปีของตารางปฏิทินรายการ FIA World Endurance Championship WEC นั่นคือ 24 Hours of Le Mans การแข่งขันรถยนต์บนสนามแข่งในระยะทาง 13.626 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง การแข่งขันนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1923 เป็นที่กล่าวขานในเรื่องของการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ ความทนทาน และพละกำลัง มีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่สามารถจัดการแข่งขันในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เพราะเหตุการณ์นัดหยุดงานในประเทศเมื่อปี 1936 และระหว่าง 1940 – 1948 สงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงฟื้นฟู

ในโอกาสวาระครบรอบนี้ ผู้จัดการแข่งขัน ACO (Automobile Club de l’Ouest) ได้เพิ่มเติมไฮไลท์พิเศษไปในกำหนดการแข่งขัน วันศุกร์ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นจะมีการนำเสนอเหล่านักแข่งทุกคนอีกครั้ง ณ สนามแข่งและจัดขบวนพาเหรดนักแข่งบริเวณใจกลางเมือง ในส่วนหนึ่งของการจัดแสดงรถแข่ง Le Mans ในตำนานจำนวน 40 คัน จะมีรถแข่งปอร์เช่ 4 คันวิ่งรอบสนามในวันเสาร์ก่อนที่การแข่งขันคลาสสิก 24 ชั่วโมงจะเริ่มขึ้น Mark Webber ลงประจำตำแหน่งควบ 936 สไปเดอร์ (936 Spyder) Timo Bernhard กุมบังเหียนปอร์เช่ 956 (Porsche 956) Marc Lieb รับผิดชอบ 962C และ Stephane Ortelli ประจำหลังพวงมาลัยรถคู่ใจที่คว้าแชมป์ของเขาเมื่อปี 1998 อย่าง ปอร์เช่ 911 GT1

เสียงจากเหล่านักแข่งก่อนเริ่มต้นการแข่งขัน

Dane Cameron (Porsche 963 หมายเลข 5) กล่าวว่า “ผมมีความคาดหวังสูงมากกับการแข่งขัน Le Mans ครั้งนี้ หลังจากผ่านมากว่า 1 ปีครั้งในการฝึกซ้อมสุดหนักหน่วงกับ Porsche 963 ตอนนี้มันคือช่วงเวลาที่เรารอคอย เป็นความรู้สึกพิเศษมากๆ ที่รู้ว่าการแข่งขันจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้แล้ว เรามีโอกาสที่จะเป็นผู้ถือถ้วยรางวัล Le Mans กลับบ้าน มอบให้สำหรับ Porsche and Mr. Penske ในขณะเดียวกัน สำหรับผมรู้สึกเหมือนฝันเป็นจริง ผมฝันถึงบรรยากาศการแข่งขันและชัยชนะของสนามนี้เสมอ แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะพบกับประสบการณ์ที่แสนพิเศษ”

André Lotterer (Porsche 963 หมายเลข 6) กล่าวว่า “ผมตั้งหน้าตั้งรอถึงวันที่จะกลับมาแข่งขัน Le Mans อีกครั้ง สนามนี้มีความสำคัญสำหรับผมมาก ตั้งแต่ที่มีโอกาสได้ลงแข่งให้แก่ทีมเก่าอย่าง Porsche LMP 1 ปี และรู้สึกกระตือรือร้นเป็นพิเศษที่จะได้ลงแข่งให้กับทีมใหม่ของโรงงาน ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับโอกาสสำคัญนี้ ถึงแม้ว่าจะมีความสุขชัยชนะทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา แต่ผมยังต้องการมากกว่านั้น การบรรลุเป้าหมายและคว้าชัยมาให้กับ Porsche and Penske เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ต้องทำให้ได้”

Mathieu Jaminet (Porsche 963 หมายเลข 75) กล่าวว่า “มันผ่านมาประมาณ 2-3 ปีที่ผมได้มีโอกาสลงแข่งขัน Le Mans 24 Hours ผมแทบจะรออีกไม่ไหวที่จะได้ลงแข่งอีกครั้ง เนื่องจากอาจจะเป็นการแข่งขันรายการเดียวของผมในฝรั่งเศสปีนี้ แต่ก็สามารถพูดได้ว่ามันเป็น Home race การแข่งในบ้านตัวเอง เราพร้อมเดินทางไปอย่างเต็มสปิริต พร้อมด้วย US Team และรถคันที่ 3 นำโดย IMSA championship เราจะเข้าสู่สุดสัปดาห์นี้ด้วยการมองโลกในแง่ดี หวังว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดี และพวกเราได้เปิดขวดแชมเปญกันบนโพเดี้ยม”

António Félix da Costa (Porsche 963 หมายเลข 38) กล่าวว่า “สำหรับทีมและผม รู้สึกเสมอว่า Le Mans นั้นยิ่งใหญ่ มีองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกและความเป็นจริง ผลักดันการแข่งขันครั้งนี้และส่งผลให้เราก้าวไปสู่ตำแหน่ง Top Class พร้อมด้วย Porsche 963 แม้ว่าทีมของเราจะเคยคว้าชัยชนะมาแล้วใน LMP2 class แต่ทุกคนก็ยังระมัดระวังและตระหนักถึงงานที่ใหญ่หลวงในการดูแลรถใหม่ เพราะประสบการณ์กับรถปอร์เช่ของเรายังไม่มากนัก ที่ผ่านมาพยายามเรียนรู้อย่างมากจากการร่วมขับแข่งกับทีมของโรงงาน ณ Le Castellet เรากำลังก้าวเข้าไปสู่การแข่งขันอย่างอ่อนน้อมแต่อัดแน่นไปด้วยความหวัง เราจะเดินไปทีละขั้นเพื่อมุ่งสู่สูงสุดของพละกำลังและความสามารถของเรา”

Jan Heylen (Porsche 911 RSR หมายเลข 16) กล่าวว่า “ในปี 2022 ผมได้มีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับ Fred Poordad and Max Root ซึ่งเราจบที่ 5 ของคลาสในการแข่งขัน Le Mans ส่วนปีนี้ ผมได้ลงแข่งร่วมกับทีมเมทที่รู้จักกันมายาวนานอย่าง Ryan Hardwick and Zach Robichon เราผ่านการแข่งและคว้าชัยกันมาหลายสนาม และผมอยากร่วมบันทึกเสน่ห์ของ Le Mans ในวาระครบรอบนี้ มันเป็นความพิเศษด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น เป็นปีสุดท้ายของ 911 RSR เป็นปีสุดท้ายของ GTE-AM class และเป็นการเริ่มต้นของประเภท Hypercar พวกเรา Ryan, Zach และทีม Proton Competition ไม่สามารถบรรยายความตื่นเต้นนี้ได้เลย”

Alessio Picariello (Porsche 911 RSR หมายเลข 60) กล่าวว่า “นี่คือครั้งที่ 3 ในการลงแข่งขัน 24-hour ของผม แต่ปีนี้มีความพิเศษมากกว่าเพราะเป็นปีครบรอบและเฉลิมฉลอง 100 ปี อีกทั้งปอร์เช่ก็ครบรอบ 75 ปีเช่นกัน ผมตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวาระพิเศษนี้ ในขณะเดียวกัน มันเป็นปีสุดท้ายของ GTE และ 911 RSR ซึ่งเป็นรุ่นรถที่ผมรัก ดังนั้นเราจะเต็มที่และสนุกไปกับงานนี้อย่างที่สุด”

Julien Andlauer (Porsche 911 RSR หมายเลข 77) กล่าวว่า “Le Mans คือการแข่งรถในตำนานที่ไม่มีอะไรเทียบได้ และยิ่งใหญ่ที่สุดของปี ในเวลาเดียวกันก็คือสนามที่สำคัญที่สุดของ FIA WEC เพราะนักแข่งทุกคนจะสามารถเก็บคะแนนได้มากที่สุดจากสนามนี้ ผมตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันครั้งที่ 6 ของตนเอง ซึ่งทุกครั้งได้ร่วมกับทีม Dempsey-Proton มาโดยตลอด ทีมได้มอบโอกาสให้ผมครั้งแรกเมื่อปี 2018 และเชื่อมั่นมาตลอดทุกปี ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ หลังจากปี 2019 ผมได้ร่วมขับกับ Christian Ried นักแข่งรุ่นใหม่ สำหรับงานนี้ มันมีความหมายสำหรับผมมากที่ได้ร่วมลงแข่งขันในปีแห่งการครบรอบ 100 ปี Le Mans เราจะทำให้ดีที่สุด”

Michelle Gatting (Porsche 911 RSR หมายเลข 85) กล่าวว่า “ผมนับถอยหลังรอเวลาลงแข่ง 24 Hours of Le Mans ครั้งที่ 5 ของผม พร้อมด้วยทีม Iron Dames การแข่งขันบนวาระครบรอบ 100 ปีนี้มันช่างแสนพิเศษ เรารู้สึกมุ่งมั่นมาก เพราะรู้ดีว่า เรามีรถพละกำลังสูง มีทีมที่แข็งแกร่ง เราทุกคนเคารพซึ่งกันและรู้แก่ใจว่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน แต่เราก็ยังโหยหาชัยชนะอยู่ดี”

Riccardo Pera (Porsche 911 RSR หมายเลข 86) กล่าวว่า “ภายในเพียงแค่ช่วง 3 สัปดาห์นี้ ผมต่อสู้กับ 2 รายการแข่งขันที่สำคัญระดับโลก มันเหมือนฝัน ผมผ่านการแข่งขันรายการ Porsche Mobil 1 Supercup ครั้งแรกใน มานาโค กรังด์ปรีซ์ และตอนนี้มาถึงสนาม Le Mans เป็นครั้งที่ 4 ของผมในการลงแข่งขัน 24 Hours ด้วยรถ 911 RSR ส่วนปีนี้ผมกลับมาขับให้ GR Racing เราตั้งใจจะทำให้ดีกว่าที่ 4 จากปีที่ผ่านมา”

Harry Tincknell (Porsche 911 RSR หมายเลข 88) กล่าวว่า “จาก WEC ที่ สนาม Spa เราได้คะแนนดีที่สุดสำหรับ GTE Porsche ด้วยลำดับที่ 4 เป็นการชี้วัดที่ค่อนข้างดีเพื่อเตรียมเข้าสู่สนาม Le Mans แต่เรายังต้องมุ่งมั่นทำงานอีกบางอย่าง สำหรับ ทีม Proton ได้มีรถเพิ่มอีกหลายคันในปีนี้ ผมเฝ้ารอการแชร์ไอเดีย แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน พร้อมด้วยการทำงานร่วมกับวิศวกรของทีมเพื่อเฟ้นหาวิธีการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดสำหรับสัปดาห์นี้ ที่สำคัญต้องมีแฟนๆ ของการแข่งขัน Le Mans จำนวนมากที่เข้ามารับชมการแข่งขันในปีครบรอบนี้ มันต้องเป็นบรรยากาศที่สุดพิเศษแน่ๆ หรืออาจจะเป็น Le Mans ที่ดีที่สุดเลยก็เป็นได้ ผมหวังว่า เราจะสามารถแสดงผลงานที่น่าตรึงใจให้กับ 911 RSR”

Richard Lietz (Porsche 911 RSR หมายเลข 911) กล่าวว่า “ถือเป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับการขับร่วมกับ Michael Fassbender ผมมั่นใจว่าเขาจะเตรียมตัวต่อสู้ในสนามเป็นอย่างดี ประกอบกับทีมสนับสนุนที่มากประสบการณ์อย่าง Proton Competition พวกเขาทำผลงานทุกอย่างได้ดีใน Le Mans เราต้องการจะจบการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเท่าที่เราจะทำได้ หากเราทำสำเร็จ แน่นอนว่าสิ่งดีๆ จะตามมาเร็วๆ นี้”

ผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้ของ Porsche ใน Le Mans

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1948 Porsche 356 No.1 Roadster ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวเฉิดฉายอยู่บนท้องถนนของประเทศเยอรมนี ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ 75 ปีที่แล้วนั้น ถือเป็นการกำเนิดของแบรนด์รถสปอร์ตแห่งเมืองสตุ๊ทการ์ท และเพียงแค่ 3 ปีต่อมา โรงงานปอร์เช่ ได้ส่งตนเองเข้าร่วมรายการ 24 Hours Le Mans เป็นครั้งแรก เริ่มต้นด้วยความสำเร็จจาก นักแข่งสัญชาติฝรั่งเศส 2 นาย ได้แก่ Auguste Veuillet and Edmond Mouche คว้าชัยชนะในคลาสด้วย Porsche 356/4 SL Coupé ตั้งแต่นั้นมา Porsche ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ endurance race  ทุกปี ต้องขอขอบคุณชัยชนะอันยิ่งใหญ่ Le Mans Winner ทั้ง 19 ครั้งและ ชัยชนะอีก 110 ในคลาส โรงงานผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันจากเมืองสตุ๊ทการ์ทนี้ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในรายการความสำเร็จของผู้จัดงาน Automobile Club de l’Ouest (ACO)

24 Hours of Le Mans – Porsche’s outright victories

1970 – Herrmann (D) / Attwood (GB) – Porsche 917 KH

1971 – Marko (A) / Van Lennep (NL) – Porsche 917 KH

1976 – Ickx (B) / Van Lennep (NL) – Porsche 936

1977 – Ickx (B) / Haywood (USA) / Barth (D) – Porsche 936/77

1979 – Ludwig (D) / D. Whittington (USA) / B. Whittington (USA) – Porsche 935 K3

1981 – Ickx (B) / Bell (GB) – Porsche 936

1982 – Ickx (B) / Bell (GB) – Porsche 956

1983 – Schuppan (AUS) / Haywood (USA) / Holbert (USA) – Porsche 956

1984 – Pescarolo (F) / Ludwig (D) – Porsche 956

1985 – Barilla (I) / Ludwig (D) / Krages (D) – Porsche 956

1986 – Bell (GB) / Stuck (D) / Holbert (USA) – Porsche 962C

1987 – Bell (GB) / Stuck (D) / Holbert (USA) – Porsche 962C

1994 – Dalmas (F) / Haywood (USA) / Baldi (I) – Dauer Porsche 962 LM

1996 – Wurz (A) / Reuter (D) / Jones (USA) – TWR Porsche WSC-95

1997 – Kristensen (DK) / Alboreto (I) / Johansson (S) – TWR Porsche WSC-95

1998 – Aiello (F) / McNish (GB) / Ortelli (F) – Porsche 911 GT1

2015 – Bamber (NZ) / Tandy (GB) / Hülkenberg (D) – Porsche 919 Hybrid

2016 – Jani (CH) / Lieb (D) / Dumas (F) – Porsche 919 Hybrid

2017 – Bernhard (D) / Hartley (NZ) / Bamber (NZ) – Porsche 919 Hybrid

ตารางการแข่งขัน

วันพุธที่ 7 มิถุนายน 2023

(เวลาตามประเทศเยอรมนี)

2:00 pm – 5:00 pm: Free practice 1

7:00 pm – 8:00 pm: Qualifying

10:00 pm – midnight: Free practice 2

(เวลาตามประเทศไทย)

7:00 pm – 10:00 pm: Free practice 1

0:00 am – 1:00 am: Qualifying ของวันที่ 8 มิถุนายน 2023

03:00 am – 5:00 am: Free practice 2 ของวันที่ 8 มิถุนายน 2023

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2023

(เวลาตามประเทศเยอรมนี)

3:00 pm – 6:00 pm: Free practice 3

8:00 pm – 8:30 pm: Hyperpole

10:00 pm – 11:00 pm: Free practice 4

(เวลาตามประเทศไทย)

8:00 pm – 11:00 pm: Free practice 3

1:00 am – 1:30 am: Hyperpole เวลาของวันที่ 9 มิถุนายน 2023

3:00 am – 4:00 am: Free practice 4 เวลาของวันที่ 9 มิถุนายน 2023

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2023

(เวลาตามประเทศเยอรมนี)

2:00 pm – 4:30 pm: Drivers’ parade (city centre)

3:00 pm – 8:00 pm: Pit walk

6:30 pm – 7:30 pm: Drivers’ parade (racetrack)

(เวลาตามประเทศไทย)

7:00 pm – 9:30 pm: Drivers’ parade (city centre)

8:00 pm – 1:00 am: Pit walk

11:30 pm – 0:30 am: Drivers’ parade (racetrack) ของวันถัดไป

วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2023

(เวลาตามประเทศเยอรมนี)

Midday – 12:15 pm: Warm-up

12:30 pm – 1:10 pm: Parade of 40 legendary Le Mans vehicles

4:00 pm: Start 24 Hours of Le Mans

(เวลาตามประเทศไทย)

5:00 pm – 5:15 pm: Warm-up

5:30 pm – 6:10 pm: Parade of 40 legendary Le Mans vehicles

9:00 pm: Start 24 Hours of Le Mans

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2023

(เวลาตามประเทศเยอรมนี)

4:00 pm: Finish 24 Hours of Le Mans

(เวลาตามประเทศไทย)

9:00 pm: Finish 24 Hours of Le Mans จบการแข่งขัน

Recent Posts

Categories

Related Articles

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พารถยนต์ไฟฟ้า EQS SUV ตะลุยเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตงเติมความมั่นใจทุกการขับขี่ เช็คอินจุดชาร์จทั่วภาคใต้!  

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พาตะลุยเส้นทางกรุงเทพฯ-เบตง ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic...

นิสสัน เตรียมเปิดตัว “เซเรน่า” เติมสีสันในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 

นิสสัน ประกาศสร้างสีสันในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) กับการเปิดตัวรถยนต์ “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” รถยนต์อเนกประสงค์...

เตรียมพบกับ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ในปี 2569

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศความพร้อมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสมรรถนะการใช้งานที่เหนือระดับไปอีกขั้นสำหรับลูกค้าที่เกิดมาแกร่งอย่างแท้จริง โดยพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศออสเตรเลีย ปี พ.ศ....

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย...